รองผู้ประกาศตำรวจ แจงรุดหน้าเหตุลอบวางระเบิด แล้วก็วางเพลิงเผาทรัพย์สินในปั๊มน้ำมัน และก็ร้านค้าสบายซื้อ หลายจุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมรีบล่าฆาตกรมาดำเนินคดี
พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนรุ่งโรจน์ รองผู้ประกาศสํานักงานตํารวจแห่งชาติ แจกแจงถึงความก้าวหน้ากรณีเกิดเหตุระเบิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปริมาณหลายจุด ดังต่อไปนี้ สถานะการณ์ดังที่กล่าวผ่านมาแล้วเกิดขึ้นเมื่อช่วงข้างหลังเที่ยงคืนของในหลายพื้นที่ของจ.ปัตตานี จ.ยะลา รวมทั้ง จังหวัดนราธิวาส รวมกว่า 17 จุด โดยทางข้าราชการได้รับบอกเหตุมีผู้ร้ายไม่รู้ชื่อและไม่รู้ปริมาณ ได้ลักลอบวางระเบิดด้านในสถานีบริการน้ำมันรวมทั้งร้านค้าสบายซื้อ นำไปสู่ไฟไหม้เงินทองได้รับความเสื่อมโทรมหลายจุด ข่าวดังไทยรัฐ ในพื้นที่ของจ.ปัตตานี ปริมาณ 2 จุด (อำเภอหนองจิก อำเภอทุ่งยางแดง) จ.ยะลา ปริมาณ 6 จุด (อำเภอเมือง อำเภอบันนังสตา อำเภอรามัน อำเภอยะหา) จังหวัดนราธิวาส ปริมาณ 9 จุด (อำเภอบาเจาะ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก–ลก อำเภอจะแนะ อำเภอรือเสาะ) โดยในตอนนี้ข้าราชการได้คุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว แล้วต่อจากนั้นพนักงานที่ทำหน้าที่สอบสวน ข้าราชการพิสูจน์หลักฐาน ข้าราชการ EOD และก็ข้าราชการในส่วนที่เกี่ยวโยงจะได้ด้วยกันกระทำพิจารณาสถานที่เกิดเหตุ เก็บหลักฐานต่างๆและก็ข้าราชการข้างไต่สวนได้ตรวจทานกล้องวงจรปิด ทำพิสูจน์รู้หาตัวผู้ร้าย เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของข้อบังคับถัดไป
พล.อำเภอประยุทธ์ จันทร์อร่อย นายกฯ และก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แล้วก็ พล.อำเภอประวิตร วงษ์ทอง รองนายกฯข้างความยั่งยืนมั่นคง ได้มีนโยบายสำหรับในการรักษาความเงียบสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอาศัยความร่วมแรงร่วมมือระหว่างข้าราชการภาครัฐรวมทั้งประชากร สำหรับเพื่อการสอดส่องพื้นที่ชุมชนและก็สร้างเกราะคุ้มครองให้กับชุมชน รวมทั้งหาข้อมูลในเชิงรุกเพื่อเป็นการคุ้มครองป้องกันเหตุไปพร้อม ถ้ากำเนิดเหตุการณ์ขึ้นก็ให้ข้าราชการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มกำลังความรู้ความเข้าใจ เพื่อติดตามเพศผู้ทำความผิดมาดำเนินคดี แล้วก็เพื่อรักษาความเรียบร้อยในพื้นที่ถัดไปเพื่อเป็นการสนองนโยบายของ นายกฯ รองนายกฯข้างความยั่งยืนและมั่นคง พล.ตำบลอำเภอสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บังคับบัญชาตำรวจก็เลยได้สั่งย้ำออกคำสั่งให้ตำรวจหน่วยที่เกี่ยวพันร่วมปฏิบัติภารกิจร่วมกับหน่วยงานความยั่งยืนมั่นคง รีบกระทำการสอบสวนสืบสวนหาข่าวสารเชิงรุก เพื่อเป็นการปกป้องเหตุ รวมทั้งรีบหาเพศผู้กระทำผิดอย่างมาก รวมทั้งการใช้หลักนิติเวชสำหรับการเข้าสำรวจสถานที่เกิดเหตุ การเก็บวัตถุพยานในสถานที่เกิดเหตุ แล้วก็การตรวจพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งสำหรับการสืบสวนยังไม่ตัดประเด็นแรงจูงใจอะไรก็แล้วแต่แล้วก็สั่งย้ำให้ข้าราชการระแวดระวังสำหรับการเข้าสำรวจจุดเกิดเหตุ โดยให้เน้นความปลอดภัยของข้าราชการรวมทั้งพสกนิกรในพื้นที่เป็นหลัก