การเมืองที่ร้อนแรงก่อนศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจำเป็นจะต้องหยุดปฏิบัติภารกิจกรณีตรึกตรองครบ 8 ปี หรือยังได้ไปต่อ
“ดร.สติธร ธนานิธิโชติ” ผู้อำนวยการสำนักสิ่งใหม่เพื่อระบบประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า บอกว่า ทีท่าของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมีความเชื่อมั่นว่าสามารถผ่านการไตร่ตรองของศาลรัฐธรรมนูญไปได้ แม้กระนั้นจะมีความเครียดด้านการเมืองจากการกดดันของพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทย แสดงทีท่าไม่ชอบใจการครองตำแหน่งนายกฯต่อ แต่ว่าก็มีท่วงท่าต้องการชนะบิ๊กตู่ จากการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์มากยิ่งกว่าการกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก
ส่วนอีกการกดดันมาจากพลังจากด้านนอกที่ประชุมฯ ผ่านการประชุมเรียกร้อง ซึ่งจำเป็นต้องดูทีท่าของกรุ๊ปผู้รวมกันที่เป็นคนสมัยใหม่ว่ามีแนวร่วมออกมาเคลื่อนมากมายเท่าใด
“พรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายแจ้งชัดเป็น การชนะลงคะแนนเสียงคราวหน้า เพื่อจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอย่างสง่างาม ช่วงเวลาที่ พล.อำเภอประยุทธ์ ยังแสดงทีท่าราวกับหลายทีเวลาประสบเจอกับปัญหาเป็น นิ่งอึ้งเพื่อสยบการเคลื่อนไหว งดเว้นให้สัมภาษณ์ แม้กระนั้นเพียงพอเรื่องคลี่คลายก็จะเริ่มกลับมากล่าวใหม่อีกที”
ถ้าหากพินิจพิจารณาเกมการบ้านการเมือง ถ้าเกิดศาลรัฐธรรมนูญไตร่ตรองนายกฯครบกำหนด 8 ปี สามารถเป็นได้ดังต่อไปนี้
ถ้าเกิดศาลรัฐธรรมนูญพิเคราะห์ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครบกำหนด 8 ปี และก็หยุดทำหน้าที่ ควรจะมีการสัมมนาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยจะเลือกจากผู้ที่ลงบัญชีเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่ว่าหากตกลงกันไม่ลงตัว ต้องหาบุคคลภายนอกมาเสนอเพื่อโหวตในที่ประชุมฯ ซึ่งปัญหาเดี๋ยวนี้เป็น ยังปลอดคนที่มีความเหมาะสม เพราะเหตุว่าคะแนนโหวตเว้นแต่เสียงของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้วจำต้องคิดถึงเสียงของ สมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นตัวแปรสำคัญ และก็มีทิศทางว่าจะยังไม่เลือกคนไหนกัน เมื่อเป็นแบบนี้คณะรัฐมนตรีรักษาการยังปฏิบัติภารกิจถัดไป จบครบกำหนดที่ประชุมเดี๋ยวนี้
กรณีศาลรัฐธรรมนูญพินิจไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ครบกำหนด 8 ปี อยู่ในตำแหน่งต่อ แม้ว่าจะสามารถบริหารราชการได้ตามเดิม แม้กระนั้นจะถูกแรงกดดันจากกรุ๊ปต้านมากขึ้นเรื่อยๆ
ทุกฝ่ายรอคอยลงคะแนนเสียงชี้ชะตาการบ้านการเมืองไทย
“ดร.สติธร กล่าวต่อว่าต่อขาน ท่ามกลางการบ้านการเมืองที่เข้มข้น แม้กระนั้นท่วงท่าของพรรคร่วมรัฐบาลกลับนิ่งอึ้งเพื่อรอคอยจังหวะให้เป็นไปตามเกมการบ้านการเมือง และก็หาก พล.อำเภอประยุทธ์ พบวิกฤติ พรรคร่วมรัฐบาลจะเปลี่ยนท่าทีเกื้อหนุนได้ตลอดระยะเวลา
การที่กองเชียร์ พล.อำเภอประยุทธ์ จะเลิกส่งเสริม โดยผู้ที่ขึ้นมาจำเป็นต้องไม่เป็นกรุ๊ปของพรรคฝ่ายค้าน แม้กระนั้นเป็นตัวเลือกใหม่ ที่เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับบิ๊กตู่แล้วดีมากยิ่งกว่า แต่ว่าในเวลานี้ยังไม่มีตัวเลือกใหม่ เลยทำให้พรรคร่วมรัฐบาลยังจำต้องช่วยเหลือต่อ
“ก่อนหน้านี้มีการพากเพียรสนับสนุน พล.อำเภอประวิตร วงษ์ทอง แม้กระนั้นฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลก็ยังไม่เห็นพ้อง เนื่องจากข้างที่รู้สึกว่า เลือกความเงียบสงบจบที่คุณลุงตู่ ก็ยังไม่เห็นพ้องกับการผลักดันและส่งเสริมบิ๊กป้อม สู่ตำแหน่งนายก ซึ่งส่วนมากยังคิดว่าเป็นตัวเลือกในกรณีเร่งด่วนเพียงแค่นั้น”
จากการคาดการณ์คาดว่า พล.อำเภอประยุทธ์ จะอยู่ในตำแหน่งนายกฯถัดไป แต่ว่าการอยู่ต่อบางทีอาจจะต้องตรากตรำกับแรงเสียดทานอีกทั้งในแล้วก็นอกที่ประชุม เนื่องจากว่าเวลานี้พรรคการเมืองต่างๆเริ่มเตรียมการเพื่อรอคอยการเลือกตั้ง ข้างหลังสัมมนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิค ในพ.ย.นี้
“เวลานี้กรุ๊ปที่ต้านทานรัฐบาลส่วนนึงยังต้องการไปแสดงพลังที่สถานที่เลือกตั้ง เพราะว่าการล้ม พล.อำเภอประยุทธ์ จากคะแนนเสียงของการเลือกตั้งจะสง่างามมากยิ่งกว่ากระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความร้ายแรง สิ่งนี้เลยทำให้ทุกคนคอยการเลือกตั้ง เพื่อผลคะแนนเปลี่ยนการบ้านการเมืองไทย”
ไม่ว่าการไตร่ตรองนายกฯครบกำหนด 8 ปี จะออกมาในแบบอย่างใด แต่ว่าความเคลื่อนไหวด้านการเมืองต้องออกมาจากเสียงของประชากร โดยเหตุนั้นการเลือกตั้งยังคงเป็นคำตอบ หากว่าไม่มีอุบัติเหตุด้านการเมืองที่บากบั่นผลักรั้งอำนาจของตนไว้ให้ดำรงอยู่อย่างช้านาน