ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงใน ประเทศชิลี อย่างอวบท้นไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แนวความคิดล้ำหน้าเพื่อแทนรัฐธรรมนูญฉบับเก่าตั้งแต่ยุคการปกครองโดยทหารของพล.อ.ออกุสโต ปิโนเชต์
ข่าวต่างประเทศ วันที่ 5 กันยายน สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซี กล่าวว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงใน ประเทศชิลี อย่างอวบท้นไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แนวความคิดเจริญรุ่งเรืองเพื่อแทนรัฐธรรมนูญฉบับเก่าตั้งแต่ยุคการปกครองโดยทหารของพล.อำเภอออกุสโต ปิโนเชต์ ผู้วายชนม์ ผ่านการลงมติมหาชนที่มีผู้คัดค้านจำนวนร้อยละ 61.9 กับเห็นด้วยปริมาณร้อยละ 38.1 สูงขึ้นยิ่งกว่าผลที่เกิดจากการสำรวจข้อคิดเห็นของพสกนิกร ในขณะที่ราษฎรลงถนนหนทางของกรุงซานว่ากล่าวอาโกเพื่อฉลอง
ผู้นำกาเบรียล โบริก ซึ่งส่งเสริมรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กล่าวว่า จะดำเนินการกับสภานิติบัญญัติรวมทั้งประชากรสังคมถัดไปเพื่อสร้างขั้นตอนการรัฐธรรมนูญอีกที เพื่อจะที่ได้เนื้อความร่างรัฐธรรมนูญจากบทเรียนของกรรมวิธีการนี้แล้วก็ให้ชนะพสกนิกรส่วนมากในวงกว้าง แม้กระนั้นยังคลุมเครือจะเป็นเยี่ยงไรรวมทั้งจะต้องใช้เวลาเพียงใดกว่าใจความใหม่ของร่างรัฐธรรมนูญจะออกมา
“พวกเราจำเป็นจะต้องฟังเสียงของราษฎรซึ่งไม่สบอารมณ์อย่างแจ่มแจ้งกับข้อเสนอแนะที่คณะผู้แทนการสัมมนารัฐธรรมนูญส่งเสริม” นายโบริกกล่าวและก็ว่าจะทำงานต่อไปเพื่อข้อเสนอแนะบรรลุวัตถุประสงค์ที่จะเพิ่มความเชื่อถือพวกเรารวมทั้งให้พวกเราทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกัน
แนวทางการแทนรัฐธรรมนูญสมัยการปกครองโดยทหารของประเทศชิลีเริ่มเมื่อ 3 ปีกลาย ข้างหลังมีการคัดค้านขนาดใหญ่ในประเทศ แล้วก็สำหรับการลงมติมหาชนเมื่อเดือนตุลาคม 2563 แทบปริมาณร้อยละ 80 ของคนประเทศชิลีลงคะแนนเห็นดีเห็นชอบกับการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า
แม้กระนั้นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จากการร่างโดยสมาชิกผู้แทนการสัมมนารัฐธรรมนูญที่ได้รับการเลือกเฟ้นจากผู้ลงคะแนนนั้นมีความเจริญเกินความจำเป็นสำหรับคนไม่ใช่น้อย
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ถูกไม่ยอมรับจะประกาศให้ประเทศชิลีเป็นเมือง “พหุชาติ” โดยใส่ใจสิทธิสามัญชนพื้นบ้านประเทศชิลีในที่ดินแล้วก็ทรัพยากรสามัญชนท้องถิ่น (ราษฎรพื้นบ้านมีปริมาณราวจำนวนร้อยละ 13 ของพลเมืองทั่วทั้งประเทศ)
ยิ่งกว่านั้น จะเปลี่ยนแปลงสถาบันต่างๆของประเทศชิลีเยอะมากๆ ได้แก่ แปลงวุฒิสภาเป็นที่ประชุมภูมิภาค รวมทั้งมีคำเรียกร้องสำคัญๆโดยสมาคมสตรี อาทิเช่น สิทธิกระบวนการทำแท้ง และก็ให้ข้อบังคับระบุว่าสตรีมีที่นั่งขั้นต่ำปริมาณร้อยละ 50 ในหน่วยงานราชการต่างๆ
หัวหน้าประเทศชิลีวัย 36 ปีคนนี้ได้รับการเลือกตั้งอย่างอวบท้นข้างหลังการคัดค้านครั้งใหญ่ และก็ภาควิชารัฐบาลของนายบอริก ซึ่งมีแนวความคิดฝั่งซ้ายแล้วก็เป็นคนสมัยใหม่ ให้คำมั่นที่จะยกเครื่องรัฐธรรมนูญของประเทศชิลี
แต่ว่าข้างหลังครอบครองตำแหน่ง 6 เดือน ซ้ำพ่ายการลงมติมหาชนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นการตบหน้าฉาดใหญ่ นายบอริกอาจปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อนักการเมืองทางสายกลางและก็มีประสบการณ์ทางด้านการเมืองเข้ามาทำงานมากขึ้น