พระบิดา ล่องหนหายเข้ากลีบเมฆ

พระบิดา ล่งหนหายเข้าก้อนเมฆ จมูกดีก็หาให้พบเครือญาติเล่าอดีตกาลก่อนเป็นฤษี ฝากถึงแพทย์ปลา 

พระบิดา ล่องหนข้างหลังได้ประกันตัว เครือญาติชี้ข่าวสารออกเกินจริง ฝากถึงแพทย์ปลาหยุดสร้างความระหองระแหง จมูกดีก็หาตัวให้พบ วันนี้ 10 พฤษภาคม 2565 เมื่อเวลา 10.00 น. กลุ่มข่าวสารอีจันลงพื้นที่ไปที่บ้านหนองแวง มัธยมตำบลโนสะอาด อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นหลักที่ของบ้านพี่น้อง นายทวี หนันลา อายุ 74 ปี หรือฤาษีทวี ที่อ้างตัวว่าเป็นพระพ่อทุกศาสนา

โดยได้เจอกับ นายบุญตัน หนันลา อายุ 77 ปี แล้วก็ นายทองคำทิพย์ หนันลา อายุ 62 ปี พี่ชายรวมทั้งน้องชายของฤาษีทวี โดยนายทองคำทิพย์ น้องชาย เปิดเผยว่า ภายหลังที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวชั่วครั้งคราวฤาษีทวี ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับโดยทันที และไม่ทราบดีว่าพี่ชายไปไหนหรือไปอยู่กับศิษย์ผู้ใดกันแน่ไหม เนื่องจากว่าพี่ชายมีลูกลูกศิษย์ลูกหาที่มีฐานะความโด่งดังหลายๆคน เพราะเหตุว่าไม่อยากเป็นเป้าสายตาของสื่อมวลชน ก็เลยแยกย้ายกันโดยทันที รวมทั้งยังไม่มีการคุยว่าจะดำเนินงานเช่นไรต่อ รอคอยให้ทุกสิ่งทุกอย่างคลี่คลายกว่านี้ แม้กระนั้นพื้นฐานจะมีการคุยกันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรับศพแม่กลับมาประกอบพิธีทางศาสนาก่อน

ทางด้านนายทองคำทิพย์ ยังบอกอีกว่า ข่าวสารที่ออกไปนั้นเกินจริงหลายเรื่อง ไม่มีการกินอุจจาระ ไม่มีการกินน้ำเหลืองศพ ไม่มีการกินเสลด แต่ว่ามีการดื่มฉี่และก็รับประทานไคลจริง และไม่ได้มีการบังคับคนใดกันแน่ ส่วนตัวไม่เชื่อว่ารักษาโรคได้ เพราะเหตุว่าตัวเองยึดหลักวิทยาศาสตร์มากยิ่งกว่า เนื่องจากว่าตัวเองก็เป็นที่นับถือในหมู่บ้าน ช่วยเหลือสาธารณะผลดีหลายแบบ ดูแลคนไม่ใช่น้อยในหมู่บ้าน จะต้องยืนอยู่หลักเรื่องจริง สำหรับในการดื่มฉี่หรือรับประทานคราบไคลนั้นก็ไม่รู้เพราะว่าคือเรื่องของความเลื่อมใสของศิษย์ ต้องการฝากถึงแพทย์ปลาว่าหยุดสร้างความผิดใจกันในสังคม เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้มองเห็นมีแม้กระนั้นใช้หลักความร้ายแรง ไม่ใช้หลักลอมชอม เพราะเหตุไรไม่เข้ามากล่าวดีทำให้เรื่องง่ายๆเปลี่ยนเป็นเรื่องสำคัญ ถูกใจยุให้คนมีอารมณ์ไม่มีสติทำให้เอาอารมณ์จากการยุยงนี้ไปเป็นข่าว และก็ถ้าเกิดจมูกดีก็ไปพบพี่ชายให้พบ

ส่วนหัวข้อการเรียกพี่ชายว่าพระพ่อนั้น นายทองคำทิพย์ พูดว่า เนื่องจากว่าในสำนักเจริญภาวนา มีคนเฒ่าคนแก่อยู่คนไม่ใช่น้อย รวมทั้งคนอีสานก็จะเรียกคนเฒ่าคนแก่ว่าบิดา นำไปสู่การเข้าใจผิดว่าเรียกคนใดกันแน่ ก็เลยมีการสัมมนากันรวมทั้งลงความเห็นให้เรียกพี่ชายว่าพระพ่อแทนคำว่าบิดาเพียงแค่นั้น รวมทั้งในส่วนเรื่องศพของแม่นั้น ตัวเองรู้พร้อมกับทุกๆคน เพราะเหตุว่าลักษณะของม่าม้ารุนแรงแล้วเหตุเพราะแก่ ทำเป็นเพียงแต่ดูใจ ก่อนที่จะแม่จะสิ้นลมแล้วก็ได้ประกอบพิธีสวดมนตร์ วัน โดยมีลูกลูกศิษย์มา 95 คน เท่าอายุของแม่อีกทั้ง วัน แล้วก็มีการคุยกันว่าจะนำศพแม่กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาวันหลัง ซึ่งในประเด็นนี้มีการเสวนากันในครอบครัวแล้ว เพราะว่ากลัวเรื่องศพจะเน่าด้วยเหตุว่ามิได้ฉีดฟอร์มาลีน ก็เลยใช้แนวทางเจาะโลงศพไว้เอาน้ำเหลืองออกเพื่อไม่ให้กำเนิดความชุ่มชื้นจนกระทั่งทำให้ศพเน่า แต่ว่ามิได้เอามารับประทาน น้ำเหลืองที่รองเอาไว้นั้นก็เอาไปทิ้งโดยขุดหลุมฝัง