วัดแทบจะแตก งานฌาปนกิจศพอดีตกาลเลขาฯ นายกเล็ก เปลี่ยนแปลงพวงหรีดเป็นข้าวสาร 6 ตัน แจกพร้อมเหรียญท้าวเวสสุวรรณ
ที่วัดอินทาราม ตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญทานศพ นายกฤษณะ รัตนกรณ์ อายุ 38 ปี อดีตกาลผู้ช่วยนายก อบต.เหมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งมีชื่อเสียงรักใคร่ของคนภายในพื้นที่ได้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลว มีบุคคลที่รู้จักชื่นชมมาร่วมงานกันเยอะมากๆซึ่งมีพิธีการสวดอภิธรรมศพศพ คืนวันที่ 9 -11 เดือนมิถุนายน เวลา 19.30 น.
แม้กระนั้น สิ่งที่ทำให้ผู้ที่มาร่วมงานประหลาดใจก็คือมีข้าวสารใส่ถุงๆละ 5 กิโล กองใหญ่วางอยู่หน้าโลงมีใจความแสดงความระลึกถึงรวมทั้งชื่อผู้มอบติดไว้ คล้ายกับหรีดงานฌาปนกิจศพ ถามเจ้าของงานทราบดีว่าเป็นความคิดของพระครูพิศิษฏ์ประชาชนท้องนาถ, ดร.หลวงพ่อแดง นันทิโย รองประธานทีกึ่งกลาง คณะบุคคลพระหัวหน้าขับหมู่บ้านถือศีล 5 รุ่นที่ 2 , รองหัวหน้าคณะสงฆ์อำเภออัมพวา เจ้าอาวาสวัดอินทาราม ซึ่งมีอำนาจเป็นคุณลุงของคนเสียชีวิต ที่ขอให้เจ้าของงานบอกคนที่จะนำพวงหรีดดอกไม้มาแสดงความไว้อาลัยอาวรณ์ต่อผู้จากไป ขอให้กลายเป็นข้าวสาร
ทำให้ตลอดทั้ง 3 คืนที่ตั้งศพสวดบำเพ็ญกุศล มีหัวหน้าข้าวสารใส่ถุงๆละ 5 โล มามอบให้ในรูปของหรีดข้าวสารรวมแล้วโดยประมาณ 6 ตัน หรือ 1,200 ถุง ซึ่งในพิธีการฌาปนกิจศพ วันที่ 12 เดือนมิถุนายน เวลา 15.30 น. ทางผู้จัดงานก็ได้มอบข้าวสารส่วนใดส่วนหนึ่งให้กับหน่วยงาน หน่วยงาน สถานศึกษาต่างๆในถิ่นทุรกันดาน แล้วก็คนยากไร้ ยิ่งกว่านั้นข้างหลังพิธีการวางดอกไม้จันทน์ยังได้แจกข้าวสารเป็นของที่ระลึกให้กับผู้มาร่วมงานโดยประมาณ 800 คน โดยมีเจ้าหน้าที่่ตำรวจรอจัดระบบให้ขึ้นวางดอกไม้จันทน์ และก็รับข้าวสาร คนละ 1 ถุง ถุงละ 5 กิโล พร้อมเหรียญท้าวเวสสุวรรณวัดอินทาราม รุ่นสามเทวดา คนละ 1 องค์ รวมทั้งผัดไทย ให้ทุกคนติดมือกลับไปอยู่ที่บ้านอีกคนละ 1 กล่องด้วย
นอกจากนั้นผู้จัดงานยังมอบเงิน 100,000 บาท ให้กับมูลนิธิ “บวร” จตุรัฐประชาชนที่นาถ รวมถึงยังมีผู้กระทำบุญมอบโค 12 ตัว ซึ่งวัดอินทารามจะนำไปมอบให้กสิกรตามแผนการ “คอกโคอภัยทาน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของสถานที่เรียนเกษตรกรปราศจากหนี้สิน” ที่จังหวัดสุรินทร์ อุทิศให้ผู้เสียชีวิตด้วย
พระครูพิศิษฐ์ประชากรท้องนาถ บอกว่า การเปลี่ยนหรีดดอกไม้ หรือหรีดผ้ามาเป็นหรีดข้าวสาร เริ่มจากมีญาติโยมที่บนบานท้าวเวสสุวรรณของสงฆ์อินทารามแล้วสมหวัง ก็แก้บนกันด้วยพลุ อาตมภาพมีความคิดเห็นว่าเว้นเสียแต่เสียงดังแล้วยังไม่เป็นประโยชน์อะไร ก็เลยขอให้แก้บนกันด้วยข้าวสาร ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาทางวัดอินทารามนำข้าวสารที่ญาติโยมแก้บนท้าวเวสสุวรรณ ไปแจกผู้ยากจน และก็มอบให้ วัด สถานศึกษาอีกทั้งในรวมทั้งนอกพื้นที่แล้วเป็นร้อยตัน ก็เลยนำความนึกคิดนี้มาใช้กับงานฌาปนกิจศพที่ปกติเมื่อมีงานฌาปนกิจศพ เพื่อนฝูงๆวงศ์วานตลอดจนคนที่ยกย่องคนตายก็จะนำพวงหรีดมาแสดงความเคารพนับถือศพ โดยมากจะเป็นพวงหรีดดอกไม้ ดูแล้วงามก็จริง แต่ว่าเมื่องานเสร็จและก็ทิ้งเป็นขยะหรือไม่ก็จำเป็นต้องนำไปเผาทำลาย เว้นแต่เป็นภาระหน้าที่ให้กับวัดแล้วยังเป็นมลภาวะ และก็มีความคิดเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลืองโดยไร้ผลเช่นเดียวกัน แต่ว่าแม้กลายเป็นข้าวสาร เสร็จงานและนำไปแจกผู้ยากจน และก็สถานที่เรียนต่างๆโดยยิ่งไปกว่านั้นในถิ่นกันดารเพื่อเป็นอาหารมื้อเที่ยงให้กับนักเรียนจะได้ประโยชน์มากยิ่งกว่า รวมทั้งยังเป็นการสร้างบุญกุศลให้กับทั้งคนอยู่รวมทั้งคนเสียชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม