แม่ลูกหวิดเกือบโดนข่มขืน แต่ จนท.ตำรวจให้ยอมความ

งงงวยกันทั้งยังบาง ตำรวจให้ตกลงความ แม่ลูกเฉียดโดนกระทำชำเรา คว้ามีดฟันเอาชีวิตรอด

แปลงเป็นหลักสำคัญที่สังคมจับตา ข้างหลังชายคนหนึ่งพาสหายมากินสุราที่บ้าน จนกระทั่งกำเนิดอาการเมาหยำเปจากเพื่อนพ้องแปลงเป็นปีศาจ พากเพียรข่มขืนกระทำชำเราเมีย แล้วก็บุตรสาววัย 14 ปี แต่ว่าบุตรสาวเฉลียวฉลาดสะสมสติกัดไปที่แขน รวมทั้งคว้ามีดทำกับข้าวฟันไปที่ศีรษะเพื่อนฝูงบิดา ทำให้แม่ลูก รอดอย่างเฉียดฉิว

เมื่อไปฟ้องร้องที่ สภ.ด่านช้าง จังหวัดสุพรรณ นายตำรวจที่รับเรื่องกลับกล่าวว่า ให้ตกลงความ เนื่องจากผู้ต้องหาบางทีอาจฟ้องกลับได้ในข้อกล่าวหาบากบั่นฆ่า รวมทั้งประทุษร้าย สร้างความงุนงงให้กับผู้เสียหายอย่างมาก ปัจจุบันผู้กำกับ สภ.ด่านช้าง ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนตำรวจนายดังที่กล่าวมาแล้วแล้ว

เรื่องราวนี้พึ่งจะเกิดขึ้นช่วงวันที่ 6 เดือนพฤษภาคม 2565 แล้วก็มีการโพสต์ใจความลงในเพจ “กรุ๊ปสุวรรณบ้านพวกเรา” เพื่อขอความเห็นในทางข้อบังคับ โดยแม่ของเด็กเล่าว่า คืนเกิดเหตุนอนอยู่ในบ้าน สหายผัวมีลักษณะเมา เข้ามาคลำขาแล้วขอมีเซ็กซ์ ก็เลยอ้างขอไปเข้าส้วมก่อน จนกระทั่งแอบหนีออกมาได้ แต่ว่าเมื่อบุตรสาวออกมาจากสุขา ก็ถูกล่วงเกินด้วยเหมือนกัน ถ้าไม่กัดแขนแล้วก็ใช้มีดทำกับข้าวฟันไปที่ศีรษะ คงจะไม่รอด ระหว่างที่คนก่อเหตุ ไม่ยอมรับทุกข้อกล่าวหา

กรณีนี้ก็เลยเป็นที่พอใจในเชิงข้อบังคับ ถึงสิทธิสำหรับการปกป้อง “ดร.ความสำราญ เสริมคุณธรรม” คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงมือณ์มหาวิทยาลัย มีความเห็นว่า การคุ้มครองป้องกันตัวของผู้เสียหายสามารถทำเป็น เมื่อมีการปฏิบัติของคู่อริที่ล่วงล้ำกฎหมาย รวมทั้งเด็กสาววัย 14 มีสิทธิป้องกันภัย เนื่องจากผู้ร้ายได้ทำการล่วงเกินสัมผัสร่างกาย หากแม้ท้ายที่สุดมีการฟ้องกลับของผู้เสียหาย แต่ว่าศาลจะมีดุลพินิจสำหรับเพื่อการพินิจไม่ลงโทษได้

ลักษณะการคุ้มครองตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้แก่ กรณีต่อยเพื่อป้องกันภัย แม้ผู้ถูกทำร้ายโดนคู่พิพาทเข้ามาชก และก็ต่อยกลับ ถือได้ว่าเป็นการปกป้องในระยะติด แต่ว่าอีกกรณีถ้าคนที่จะเข้ามาต่อยยังอยู่ในระยะไกล แต่ว่าใช้ปืนยิงเขาก่อน ด้านกฎหมายจัดว่าไม่ใช่การคุ้มครองตัว ด้วยเหตุผลดังกล่าวการคุ้มครองป้องกันตัวจะมีสาเหตุจากการเช็ดกรังควานในระยะชิด ถึงจะอ้างสิทธิได้

ด้านหลักสำคัญที่ตำรวจให้ตกลงความ ไม่สมควรเสนอแนะผู้เสียหายอย่างนั้น เพราะว่าเป็นสิทธิของผู้เสียหาย ซึ่งกรณีนี้มีการบังคับฝืนใจด้วยกำลัง อีกทั้งแม่และก็ลูก ยิ่งไม่สมควรตกลงความ เพราะว่าเป็นการคิดร้ายต่อสุขภาพร่างกาย ก็เลยต้องการเตือนพลเมืองทั่วๆไป ว่าแม้จะตกลงความควรที่จะใช้เวลาสำหรับในการไตร่ตรองอย่างระมัดระวังก่อน ไม่สมควรรีบตกลงใจ เพราะเหตุว่าปวดเมื่อยอมความจะก่อให้สิทธิการฟ้องทางอาญาจะถูกยับยั้งทั้งสิ้น

“ยิ่งในคดีล่วงเกินเยาวชน จำนวนมากพนักงานที่มีหน้าที่สำหรับสืบสวนไม่สมควรชี้แนะให้ตกลงความ แม้กระนั้นกรณีนี้กลับบอกให้ผู้เสียหายกลัว ว่าจะถูกฟ้องกลับ แม้ว่าเด็กมิได้ทำผิด แต่ว่าทำไปเพื่อปกป้อง และก็เรื่องราวนี้ ไม่ใช่การทะเลาะเบาะแว้งแบบธรรมดา ที่จะนัดหมายสองฝ่ายมาคุยกัน รวมทั้งตกลงตกลงความกันได้”.